กอช. ชวน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อบ้านแม่บ้าน สมัครออมเงิน 100 บาท

กอช. ชวน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อบ้านแม่บ้าน สมัครออมเงิน 100 บาท

กอช. เชิญชวน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ที่มีสิทธิสมัคร หรือ พ่อบ้านแม่บ้าน สมัครออมเงินกับ กอช. 100 บาทต่อเดือน ได้รับเงินเพิ่มจากรัฐอีก 100 บาทต่อเดือน หรือตามช่วงอายุของสมาชิก สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี ไว้ใช้ในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี

กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. 

เชิญชวน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ที่มีสิทธิสมัคร หรือ พ่อบ้านแม่บ้าน สมัครออมเงินกับ กอช. 100 บาทต่อเดือน ได้รับเงินเพิ่มจากรัฐอีก 100 บาทต่อเดือน หรือตามช่วงอายุของสมาชิก สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี ไว้ใช้ในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี เพียงตรวจสอบสิทธิและคุณสมบัติก่อนการสมัครสมาชิกได้ที่ แอปพลิเคชัน “กอช.” สอบถามโทร. 02-049-9000

นางสาวจารุลักษณ์  เรืองสุวรรณ  เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)  เปิดเผยว่า  กอช. เชิญชวนผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ผู้ที่มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก กอช. หรือ พ่อบ้านแม่บ้าน สร้างวินัยการออมไว้ใช้ในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี ออมเงินกับ กอช. 100 บาทต่อเดือน ได้รับเงินเพิ่มอีก 100 บาทต่อเดือน สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

ทั้งนี้ เมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้รับบำนาญเป็นรายเดือนจาก กอช. สำหรับผู้ที่สนใจตรวจสอบสิทธิและคุณสมบัติก่อนการสมัครสมาชิกได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” หรือ หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้านท่าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ  สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคาร ธ.ก.ส. ธอส. ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา รวมทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000

บัตรคนจน ผู้พิการ พ.ย. 63 – ความคืบหน้าโครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่ครม. มีมติเห็นชอบให้เพิ่มเบี้ยความพิการเป็น 1,000 บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564  เท่ากับว่าผู้พิการอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน จากเดิม 800 บาทต่อเดือน และผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่ม 200 บาทต่อเดือน โดยจ่ายเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมเป็น 1,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่ได้รับสิทธิเพิ่มเติม ยังคงได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาท/เดือน ตามเดิม นั้น

“ในเดือนพฤศจิกายน 2563 กรมบัญชีกลางได้โอนเบี้ยความพิการเข้าบัญชีตามสิทธิเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 สำหรับในส่วนของผู้พิการที่มีอายุ18 ปีขึ้นไป และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่มเติม 200 บาท เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้กำหนดวันจ่ายเบี้ยความพิการเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป ประมาณวันที่ 22 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง กันยายน 2564 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

สภาองค์กรนายจ้าง คาด ตลาดแรงงาน 64 ยังเปราะบาง แรงงาน เร่งปรับตัว

โดยทาง สภาองค์กรนายจ้าง ได้มีการคาดการณ์ว่า ตลาดแรงงาน ในปี 2564 นั้นจะยังอยู่สภาวะเปราะบาง ส่งผลให้ แรงงาน ภายใน 3 ประเภทได้แก่ในช่วงอายุ 45-50, แรงงานที่ยังคงตกงาน และแรงงานจบใหม่ ต้องทำการปรับตัว

นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน สภาองค์กรนายจ้าง ผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีการคาดการณ์ถึงแนวโน้มของ ตลาดแรงงาน ภายในปี 2564 ว่า ตัวตลาดนั้นจะยังคงอยู่ในสภาวะเปราะบาง ตามทิศทางของเศรษฐกิจที่กำลังค่อย ๆ ฟื้นฟู และยังคงมีปัจจัยที่ไม่มีความแน่นอนสูงจากเชื้อไวรัส Covid-19 ทำให้ส่งผลแก่ แรงงาน ต่อเนื่อง

โดยแรงงานที่มีความเสี่ยงมากที่สุดมีด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่ แรงงานที่อยู่ในช่วงอายุ 45-50 ปี, แรงงานที่ยังคงตกงานอยู่ และแรงงานที่เพิ่มจบใหม่ ที่ซึ่งต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สูง เนื่องด้วยผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นต่างต้องมีการปรับตัวด้วยการลดรายจ่ายลงเพื่อประคองให้ธุรกิจยังคงอยู่รอด

ในปัจจุบันอัตรากำลังแรงงานในประเทศไทยมีประมาณ 37 ล้านคน ซึ่ง 50% ของทั้งหมดเป็นแรงงานในระบบประกันสังคมซึ่งมีแนวโน้มว่า แรงงานที่จะถูกปรับเปลี่ยน ได้แก่ แรงงานที่มีอายุ 45-50 ปี มีแนวโน้มว่าจะถูกให้สมัครใจลาออกจากงาน (Early Retire) มากขึ้น และแรงงานที่มีอายุงานเพียงแค่ 1 ปีนั้นได้เป็นเป้าหมายในการแผนการลดรายจ่าย เนื่องด้วยถูกมองว่ามีประสบการณ์น้อย และสามารถจ่ายค่าชดเชยในอัตราที่ต่ำได้

ทางด้านของแรงงานที่ยังคงตกงานอยู่แล้ว กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องด้วยหากยังคงไม่มีการช่วยเหลือหรือมีมาตรการใด ๆ มารองรับ พวกเขาเหล่านี้จะถือว่าเป็นแรงงานตกงานโดยถาวร

ในส่วนของแรงงานจบใหม่นั้น คาดว่าในช่วงเดือน ก.พ. ปี 64 จะมีแรงงานประเภทนี้เข้าตลาดประมาณ 5 แสนกว่าราย และจะถูกไปรวมกับแรงงานที่จบใน 63 แต่ยังคงไม่มีงานทำ ทำให้ยอดจะอยู่ที่ 9 แสนกว่าราย แม้ว่าจะมีการจ้างงานของแรงงานประเภทนี้ในตลาดอุตสาหกรรมเปิดใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนที่น้อย เนื่องด้วยแรงงานที่กำลังจะเข้ามาใหม่นี้ ยังคงไม่อยู่ข่ายความต้องการของตลาด

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป